กรุบกรอบกับ ถั่วนัท และ เมล็ดพันธุ์ 1 ในวัตถุดิบ 50 อาหารแห่งอนาคต

        เมล็ดแฟลกซ์ พบได้ทั่วไปในยุโรป สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ และเอเชีย เติบโตได้ดีที่สุดในภูมิอากาศเย็นที่มีแสงแดด เป็นเมล็ดที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เพราะมีกรดแอลฟาไลโนเลนิกที่เป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถนำมาผสมกับแป้งในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งในการทำขนมอย่างขนมปัง และมัฟฟิน แถมยังสามารถทอเป็นเส้นใยเพื่อผลิตผ้าลินินได้ด้วย

เมล็ดเฮมพ์ Cannabis sativa

        แม้จะไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ที่รับประทานกันโดยทั่วไป แต่เมล็ดเฮมพ์ก็เป็นส่วนหนึ่งในตำรับอาหารของผู้คนในจีน และอินเดียมานานหลายศตวรรษ เพราะอุดมด้วยโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่เป็นไขมันดี และยังประกอบไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด นอกจากนนี้ ยังมีโปรตีนและไฟเบอร์อีกด้วย

        โดยเฮมพ์ 30 กรัม สามารถให้ ไฟเบอร์ถึง 1 กรัม โปรตีน 9 กรัม และเป็นแหล่งที่มาชั้นดีของธาตุเหล็กอีกด้วย แม้ว่าพืชชนิดนี้อยู่ในตระกูลเดียวกับกัญชา แต่เฮมพ์ไม่มี THC ซึ่งเป็นสารที่ทำให้กัญชามีผลเหมือนยาเสพติด นิยมนำมาแปรรูปได้หลายรูปแบบเช่น น้ำมัน นมเทียม แป้ง และเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์มากมาย อย่าง น้ำจิ้ม ซอส ซุป แครกเกอร์ บิสกิต ขนมปัง และสลัด

เมล็ดงา Sesamum indicum

        เมล็ดงา ประกอบด้วยน้ำมันจำนวนมาก และเป็นแหล่งที่มาชั้นดีของธาตุแมกนีเซียมและทองแดง เมล็ดงามีสัมผัสกรุบกรอบและรสชาติมันที่คล้ายกับถั่ว จึงนิยมนำมาเพิ่มสัมผัส, รสชาติและกลิ่นหอม ให้กับอาหารประเภทต่างๆ เช่น ซูชิ สลัด ซุป ก๋วยเตี๋ยว และเมนูข้าว นอกจากนั้นเมล็ดงาสามารถสกัดทำเป็นน้ำมันที่ใช้สำหรับเมนูผัดได้อีกด้วย

วอลนัท Juglans regia

        วอลนัท ประกอบด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในถั่วที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด โดยวอลนัทมีรสหวานปนขมและ มีสัมผัสมันเลื่อม สามารถกินแบบสดหรือแบบปรุงสุก หรือใช้เป็นวัตถุดิบใส่ในอาหารคาว-หวานก็อร่อยไม่แพ้กัน เคล็ดลับการปรุงวอลนัทให้อร่อยคือ ให้คั่วหรืออบจนกลายเป็นสีเหลืองทอง จะสามารถดึงความอร่อยของถั่วชนิดนี้ออกมาได้อย่างแท้จริง